บทความที่ได้รับความนิยม

วันจันทร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2554

# การ Backup ข้อมูลจาก Outlook

Outlook Express :
1. ส่วนของ Mail
ข้อมูลทั้งหมดจะอยู่ใน
Folder : C:\Documents and Settings\account\Local Settings\Application Data\Identities\{xxx-xxx-xxx-xxx-xxx}\Microsoft\Outlook Express\
copy เก็บมาให้หมดครับ โดย file จะเก็บในชื่อของ folder เลยครับ เวลาย้ายไปก็ copy ไปวางทับของเก่า โดยเราจะต้องเปิด Outlook Express หนแรกให้มันสร้าง Identities ขึ้นมาก่อนนะครับ
*ตรงตัวหนา account จะเป็น user ของใครของมันนะครับ ถ้าใครใช้หลาย user ในเครื่องเดียว ต้องเก็บมาให้หมดนะครับ ส่วนที่เป็น xxx นี่จะเป็นหมายเลข Identities เครื่องใครเครื่องมันไม่เหมือนกัน สามารถสร้างหลายๆอันได้ แต่ปกติไม่ค่อยมีคนใช้หลายอันกัน
2. ส่วนของ Account พวก รายชื่อ Email Username Password
เข้าเมนู Tools\Accounts แล้วเลือก Account ของเรา จากนั้นก็กด Export เราจะได้ file *.iaf มาครับ เวลาย้ายมาก็ใช้ Import ที่เดิมเอาเข้ามาครับ
3. ส่วนของ Address Book
ก็เข้า Address Book (ปุ่มรูปสมุดอ่ะครับ) แล้วก็เข้าเมนู File\Export\Address Book(WAB) แล้วเราก็จะได้ file *.wab มา เวลาใช้ก็ใช้ File\Import เข้ามาครับ

Microsoft Outlook :
1. ส่วนของ Mail
ข้อมูลทั้งหมดจะอยู่ใน
C:\Documents and Settings\account\Local Settings\Application Data\Microsoft\Outlook\
file ที่ได้จะเป็นก้อนๆ file เดียวหรือ 2 file (outlook.pst,archive.pst) ข้อมูลจะอัดมาอยู่ในนั้นทั้งหมด ทั้ง Mail , Address Book , Contact ฯลฯ
2. ส่วนของ Account พวก รายชื่อ Email Username Password
เหมือนกับ Outlook Express ครับ แหะ แหะ

Tip : ลองสังเกตุดูนะครับเวลาเข้าไปใน Folder ที่ผมบอกข้างบน จะเห็นรายชื่อโปรแกรมที่อยู่ในเครื่องของคุณไม่มากก็น้อย ตามปกติโปรแกรมต่างๆ จะเก็บค่า Config ของโปรแกรมไว้ไม่กี่ที่ครับ หลักๆที่เราสามารถเก็บมาได้ง่ายๆก็ 2 ที่ คือ ใน Documents and Settings และก็ Folder ที่เก็บโปรแกรมนั่นเอง (Program Files)

วันอาทิตย์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2554

# การ Setup Squid และ Frox บน CentOS 5.3

การ Setup Squid และ Frox บน CentOS 5.3 โดยใช้พื้นที่เก็บ Cache ร่วมกันนั้น ดูจากร้านลูกค้าที่ทางทีมงานติดตั้งไว้ทั้งสองระบบเปรียบเทียบกัน เรามั่นใจว่าเป็นวิธีที่เสถียรที่สุดแล้วสำหรับการใช้งานเก็บ Cache เก็บ Patch เกมส์
ตัว Squid นั้นผมขอใช้ตัว Squid เดิมๆ ของ CentOS เองเลยนะครับซึ่งเป็น Version 2.6.STABLE21 ซึ่งมันเสถียรดีอยู่แล้ว ใช้ร่วมกับ Frox ที่เราเคยทำไว้ก่อนหน้านี้

ติดตั้ง Squid
  1. yum -y install squid
  2. cd /etc/squid
  3. mv squid.conf squid.conf.org
  4. wget http://linux.blog.in.th/system/files/squid.conf
แก้ไข ip และปรับจำนวน Cache ให้ตรงกับ ความต้องการ
        nano /etc/squid/squid.conf
แก้ไข บรรทัดเหล่านี้
	cache_dir ufs /var/spool/squid 20480 16 256
 
ปรับ เลข 20480 เป็นตามจำนวน Cache ที่ต้องการ ของเดิม คือ 20 G เช่นต้องการ 40G ก็ เปลี่ยนเป็น 40960 
แต่ปกติแล้วผมไม่เคยตั้งไว้เกิน 10G เลยคือปกติผมจะใช้ ราวๆ 8192 หรือ 8 G นั่นเอง
	cache_mem 128 MB
หากมี Memory เยอะ ตั้งไว้สัก 1/2 ของที่มีก็ได้เช่น Ram 1 G ก็ตั้งไว้สัก 512
    1. acl webconfig_lan src 192.168.2.0/24
    2. acl webconfig_to_lan dst 192.168.2.0/24
แก้ 192.168.2.0/24 เป็น วง network ของท่าน เช่น Server ใช้ ip 10.0.1.254 ก็เปลี่ยนเป็น 10.0.1.0/24
    1. http_port 192.168.2.254:3128 transparent
    2. http_port 127.0.0.1:3128 transparent
เลข ip 192.168.2.254 แก้เป็น ip Server ของท่าน และต้อง ใส่ transparent ต่อท้ายทุกครั้ง ไม่อย่างนั้นหลังสั่ง transparent mode แล้วจะใช้งาน Squid ไม่ได้
สั่งสร้าง ที่เก็บ Cache, Start squid, และ ตั้งให้ squid start ทุกครั้งหลัง restart เครื่อง
	
    1. squid -z
    2. service squid start
    3. chkconfig squid on
สั่ง iptables เพื่อ redirect port http ต่างๆ เข้า squid ตัวอย่างคือ เครื่องลูกเข้าใช้งาน port 88,80,9898 จะผ่านเข้า Squid อัตโนมัติ
	
	iptables -t nat -A PREROUTING -m multiport -p tcp -i eth1 --dport 88,80,9898 -j REDIRECT --to 3128
แก้ eth1 เป็น Card lan ใบที่จ่ายให้ Client
check การทำงานของ squid
	
	tail -f /var/log/squid/access.log
หากต้องการปรับเปลี่ยน รูปแบบ การแสดง log แก้ไข ตรงส่วน logformat ครับ
 
ติดตั้ง Frox
  1. wget http://linux.blog.in.th/system/files/lib-frox.tar.gz
  2. tar zxvf lib-frox.tar.gz
  3. cd lib
  4. cp libcrypto.so.0.9.7a /lib/libcrypto.so.4
  5. cp libssl.so.0.9.7a /lib/libssl.so.4
  6. wget http://linux.blog.in.th/system/files/install-frox-fix.bin
  7. chmod +x install-frox-fix.bin
  8. ./install-frox-fix.bin
ดูการติดตั้งแบบ อื่นๆจากที่นี่ [a href="../../../../node/85" title="Download : Frox for ClarkConnect 4.X Update Full Install"]Download : Frox for ClarkConnect 4.X Update Full Install[/a]
แก้ไข Config ของ Frox เพื่อทำงานร่วมกับ Squid
	nano /etc/frox.conf
แก้บรรทัดเหล่านี้
  1. ##################################
  2. # For use http cache with squid 
  3. # Remove all mark if you want to use with http cache.
  4. ##################################
  5. HTTPProxy 127.0.0.1:3128         #Don't Change this line if use with http cache just remove mark only.
  6. HTTPProxy 192.168.2.254:3128 #Change to your ip.
  7. #ForceHTTP yes
  8. #CacheModule HTTP
  9. ##################################
  10.  
  11. ##################################
  12. # For use http cache with squid 
  13. # Remove all mark if you want to use with http cache.
  14. ##################################
  15. CacheModule local
  16. CacheSize 4000 # default size 4000 = 4G
  17. ##################################
เป็น
	
  1. ##################################
  2. # For use http cache with squid 
  3. # Remove all mark if you want to use with http cache.
  4. ##################################
  5. HTTPProxy 127.0.0.1:3128              #Don't Change this line if use with http cache just remove mark only.
  6. HTTPProxy 192.168.2.254:3128      #Change to your ip.
  7. ForceHTTP yes
  8. CacheModule HTTP
  9. ##################################
  10.  
  11. ##################################
  12. # For use http cache with squid 
  13. # Remove all mark if you want to use with http cache.
  14. ##################################
  15. #CacheModule local
  16. #CacheSize 4000 # default size 4000 = 4G
  17. ##################################
ของเดิมคือทำงานแบบ local Cache คือ Squid ก็มีพื้นที่ เก็บ Cache ของ Squid Frox ก็มีพื้นที่เก็บ Cache ของ Frox เอง เราจึงปรับให้ Frox ใช้พื้นที่ร่วมกับ Squid ไปทีเดียวเลย
ประโยชน์คือ สามารถใช้ pattern ของ Squid บังคับในการจัดเก็บ Cache ของ Frox ได้ด้วยว่า File ไหนเก็บไม่เก็บ และกันปัญหา Error อื่นๆ
แก้ไข /etc/rc.d/rc.firewall.local
ส่วนของ Frox
  1. if [ -f /var/run/frox.pid ]; then
  2. /sbin/iptables -t nat -A PREROUTING -m multiport -p tcp -i eth1 --dport 6001,21,8021 -j REDIRECT --to 2121
  3. fi
ส่วนของ Squid
  1. if [ -f /var/run/squid.pid ]; then
  2. /sbin/iptables -t nat -A PREROUTING -m multiport -p tcp -i eth1 --dport 88,80,9898 -j REDIRECT --to 3128
  3. fi
 
หมายเหตุ การแก้ไข /etc/rc.d/rc.firewall.local นั้นต้องทำหลัง นำ ระบบ Firewall ของ ClarkConnect 4.3 ติดตั้งลงใน CentOS 5.3 มาติดตั้งแล้วเท่านั้น
สั่ง Start และ restart การทำงานทั้งหมด อีกที
  1. service frox restart
  2. service squid restart
  3. service firewall restart
 
Download : Frox for ClarkConnect 4.X Update Full Install
Credit Squid 2.6 Config Muzazhi Modifly By Ton-Or

วันพฤหัสบดีที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2554

# การติดตั้ง clearos


การติดตั้ง clearos 

 

วิธีติดตั้ง 1. เข้า IP Settings เลือก edit pppx หรือ ethx ใส่ User และ Pass ต่อ internet
 1.2 ให้ติ๊ก auto DNS ออกซะ เพื่อจะได้กำหนดเองและได้ค่า DNS ที่ดีกว่า
 1.3 ค่า MTU ที่ต้องใส่
  TRUE=1492
  TT&Tหรือ3BB=1352,1406,1452 ถึง1492 ตามความพอใจของท่านเองเนื่องจาก "สัญญาณมากน้อย ไกลใกล้แค่ไหน หลุดบ่อยไหม"
  TOT=1444,1472,1490,1492
2. เข้า Network > IP Settings ให้กำหนดค่า DNS ดังนี้
 ตัวอย่างสำหรับ 2 เส้น
  DNS Server #1 127.0.0.1 Link squid
  DNS Server #2 x.x.x.x ใส่ค่า DNS ของ ISP ค่าเดียวพอ เส้น net
  DNS Server #3 x.x.x.x ใส่ค่า DNS ของ ISP ค่าเดียวพอ เส้น game
 ตัวอย่างสำหรับ 3 เส้นขี้นไป
  DNS Server #1 127.0.0.1 Link squid
  DNS Server #2 x.x.x.x ใส่ค่า DNS ของ ISP ค่าเดียวพอ เส้น net เส้นแรก
  DNS Server #3 x.x.x.x ใส่ค่า DNS ของ ISP ค่าเดียวพอ เส้น net เส้นที่สอง 
  DNS Server #4 x.x.x.x ใส่ค่า DNS ของ ISP ค่าเดียวพอ เส้น game
3. เข้า Network > Multi-WAN ให้ Enabled เท่านั้นพอไม่ควรไปกำหนดน้ำหนักเพิ่มเติม
4. เข้า Software > Web Proxy ไปสั่งให้ Wep proxy On boot - Automatic เอาไว้เลย
5. และอื่นๆ เช่น Forward Port WarCraft , Incoming ต่างๆ
-๑- การติดตั้ง addon ที่จำเป็น -๑-
 เครื่องมือสำหรับใช้ในการติดตั้ง addon ต่างๆ
 WinSCP และ putty มีแจกอยู่ที่นี้ Tool
1. WinSCP ใช้โยน file เข้า server
2. putty ใช้ command ต่างๆ
 addon ที่จำเป็นอาจมีเพิ่มเติมอีกนะครับ ผมขอทดสอบก่อนแล้วจะเอามาเพิ่มให้
 squid_SEVEN_bysiamcafedotnet.tar.gz By MR.BOM SiamCaFe.net ขอขอบคุณมากๆครับ
 squid-2.6-s13.rpm By xxxkung truefaster ขอขอบคุณมากๆครับ
 TFFroxTornadoV5.5.gz By Mr.X & Alexa truefaster ขอขอบคุณมากๆครับ
 checkwan12.tar.gz By delphi Linuxthai หรือพี่อิ๊ด ของเรานั้นเอง  ขอขอบคุณมากๆครับ

1. เริ่มจาก Copy File addon เข้า server ก่อนได้เลย
copy file squid-2.6-s13.rpm ไปไว้ที่ /root
copy file squid_SEVEN_bysiamcafedotnet.tar.gz ไปไว้ที่ /root
copy file TFFroxTornadoV5.5.gz ไปไว้ที่ /root

2. ให้ติดตั้ง squid ก่อน
พิมพ์ squid -v ตรวจสอบว่า squid เวอร์ไหน ถ้า Squid Cache: Version 2.5 ก็ให้ลง 2.6 และ 2.7 ตามลำดับ
2.1 ติดตั้ง squid 2.6

อ้างถึง
service squid stop
rpm -Uhv squid-2.6-s13.rpm

2.2 ติดตั้ง squid 2.7

อ้างถึง
service squid stop
tar -zxvf squid_SEVEN_bysiamcafedotnet.tar.gz
cd squid_SEVEN_bysiamcafedotnet
./install

3. Copy squid.conf  Config Squid 2.7 by Mazzero เข้า /etc/squid

อ้างถึง
service squid restart

การแก้ไข้ Squid.conf ศึกษาได้จาก ที่นี้
4. ติดตั้ง Frox TFFroxTornadoV5.5.gz

อ้างถึง
tar -zxvf TFFroxTornadoV5.5.gz
cd TFFroxTornadoV5.5
./install

5. copy file rc.firewall.local  ไปไว้ที่ /etc/rc.d ให้ใช้ตัวล่าสุดที่แจกครับ
ทำหลังจากที่ install Squid กลับ frox เรียบร้อยแล้ว
วิธีเซ็ต ดูได้จากที่นี้ firewall By Mazzero แล้วสั่ง

อ้างถึง
service firewall restart

ถ้าทำตามที่กล่าวมาจะไม่ [FAILED] เลย
6. ติดตั้ง checkwan12.tar.gz เอาไว้ตรวจสอบว่าเกมส์ไปถูกเส้นไหม "เช็ค wan"

อ้างถึง
tar -zxvf checkwan12.tar.gz

วิธีใช้ ดูได้จากที่นี้ checkwan By delphi
-๑- เท่านี้ก้ได้ เครื่อง server Clark Connect ฉบับ Mazzero Linuxthai.org แล้ว -๑-

เครดิต
Mazzero Linuxthai.org

ปัญหาอื่น ๆ ที่อาจจะเกิด

Cabal ไม่ได้ ipbonus ให้เพิ่ม
           ${TONG_P} -d 203.144.223.0/24 -p tcp --dport 38100:38200 -j GAMES_1
              ${TONG_P} -d 203.144.223.0/24 -p tcp --dport 63000:64000 -j GAMES_1



ปัญหาเข้าเกมโยกังไม่ได้ ให้ไปแก้ที่ squid

เลยคิดว่าเป็นที่ squid config
ลองค้นคำว่า _gat is undefined ในกูเกิล ก็พบว่ามันเกี่ยวกะโค๊ดจาวาสคริป google-analytics.com พวกนี้
เลยไปดูที่ squid เราเอง ก็เจอบล๊อกอยู่
ของเดิม
อ้างถึง
# ----- Block Web
#acl acceptip src 192.168.0.111 192.168.0.203
#acl blockwebs url_regex -i pramool.com bbs.pramool.com
acl blockwebs url_regex -i game-thai.com jumran.in.th puipui.in.th googleadservices.com rad.msn.com googlesyndication.com adbrite.com clicksor.com google-analytics.com truehits.in.th truehits.net doubleclick.net heru.3322.org go-on.siamteamhost.com alone.inc.gs cabalthai.co.cc lunazeed.com loveglof.no-ip.info
http_access deny blockwebs !acceptip
ถ้าใครที่ต้องการใช้ config ตัวเดิมของตัวเองก็แก้ เฉพาะที่เกี่ยวกะ google ตรงนี้ครับสีแดง  
แก้โดยใส่ # ไว้ข้างหน้า
อ้างถึง
# ----- Block Web
#acl acceptip src 192.168.0.111 192.168.0.203
#acl blockwebs url_regex -i pramool.com bbs.pramool.com
#acl blockwebs url_regex -i game-thai.com jumran.in.th puipui.in.th googleadservices.com rad.msn.com googlesyndication.com adbrite.com clicksor.com google-analytics.com truehits.in.th truehits.net doubleclick.net heru.3322.org go-on.siamteamhost.com alone.inc.gs cabalthai.co.cc lunazeed.com loveglof.no-ip.info
#http_access deny blockwebs !acceptip
save และก็พิมพ์  service squid stop
                    service squid start
หรือถ้ายังอยากบล๊อกเว็บอื่นไว้อยู่ ก็ลบเฉพาะคำที่ เกี่ยวกับ google ออกไปก็ได้นะ แต่ผมเอาออกทั้งบรรทัดเลย โยกังเข้าได้แล้วครับ


ป้องกันเน็ตหลุด หรือ not in use แต่ได้ ip ไปเพิ่มไอพีใช้ปิงที่  etc/syswatch 
แล้วสั่ง service syswatch restart

วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

# VPI , VCI & DNS แต่ละค่าย

TOT  
ค่า DNS ของ TOT
203.113.127.199
203.113.27.199
203.113.15.99
203.113.15.100
 203.155.33.2
203.150.213.1 
203.113.10.148
203.113.10.149
203.113.9.120
203.113.9.121

VPI : 1
VCI : 32

********************
TT&T
ค่า DNS ของ TT&T
202.69.137.137
202.69.137.138

VPI : 0
VCI : 33

*********************
CAT
ค่า DNS ของ CAT
61.69.245.245
61.69.245.246
VPI : 0
VCI : 35

วันอังคารที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2554

วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!


สวัสดีครับ วันนี้ก็เวียนกลับมาพบกับผมกันบ้างนะครับ โดยวันนี้ก็มีเรื่องการแก้ปัญหาที่นัก Benchmark หลายๆท่านปวดหัวมาฝากกันนะครับ นั่นก็คือการแก้ปัญหาให้ Windows 7 32bit สามารถเห็นแรมระบบเกิน3GB ขึ้นไปได้ ซึ่งหลายๆท่านก็คงพอจะทราบว่า ข้อเสียของระบบ OS 32bit เรื่องใหญ่สุดนั่นก็คือ ไม่สามารถมองเห็นแรมระบบเกินกว่า 3GB กว่าๆ ไปได้ ไม่ว่าท่านจะใส่แรมเข้าไปมากมากเพียงใดก็ตาม ระบบ OS 32bit ก็ยังคงเห็นแรมของท่านและนำไปใช้จริงได้แค่ 3GB กว่าๆเท่านั้น แถมหนักๆเข้าบางเมนบอร์ด ก็เห็นแรมระบบใน OS 32bit ต่ำสุดถึง 2.5GB ไม่ว่าจะใส่แรมเข้าไปเยอะเพียงใดก็ตาม ซึ่งวิธีแก้ปัญหาแบบง่ายๆกำปั้นทุบดินก็คือ หันไปใช้OS 64bit แทน คราวนี้ตามทฤษฎีก็เห็นแรมกันเป็นเทราไบต์เลยครับ (แต่จริงๆได้ยินเขาเล่ากันมาว่า OS 64bit ในโลกตอนนี้ เห็นแรมได้สูงสุดจริงๆแค่ 128GB เท่านั้น ซึ่งจริงเท็จอย่างไรผู้เขียนไม่ทราบเหมือนกันนะครับ เพราะว่าไม่มีเงินซื้อแรมและเมนบอร์ดที่รองรับแรมขนาดนั้นมาลองครับ อิอิกำ) แต่ปัญหาที่จะตามมาหลังจากใช้ OS 64bit ก็คือ ประสิทธิภาพต่างๆ ของ Apprication 32bit ที่มาใช้งานใน OS 64bit จะตกลงไปบ้างไม่มากก็น้อย ซึ่งผู้ใช้งานทั่วๆไป ไม่รู้สึกกันเท่าไหร่หรอกครับ แต่ถ้าเป็นนัก Benchmark ตัวยง อาจจะทำใจไม่ได้กับคะแนนที่ลดลงไป ก็เลยต้องมาใช้ OS 32bit กันแทน แต่พอมาใช้ OS 32bit นัก Benchmark ก็จะมาเจอปัญหา แรมไม่พอกันต่อไป เมื่อเทสต์โปรแกรมที่ต้องกินแรมมากๆอย่าง SuperPI ที่เทสต์กันที่ 8เธรด และค่า 32M ก็จะทำให้เวลาออกมาช้ากว่าที่ควรจะเป็น หรือหนักๆเข้าก็จะเทสต์กันไม่ผ่านตั้งแต่ยังไม่ Overclock เลยครับ สำหรับบางเมนบอร์ดที่เห็นแรมใน OS 32bit ได้เพียงแค่ 2.5-2.75GB ซึ่งในวันนี้ผมก็มีวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวมานำเสนอให้ท่านผู้อ่านที่เป็นนัก Benchmark ตัวยง ได้นำไปใช้เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้กันนะครับ ค่อยๆตามมาชมกันเลยนะครับ
.
dsc 0339 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!หน้าตาของระบบที่นำมาใช้ในการทดสอบคราวนี้นะครับ ซึ่งศาลเจ้าใหม่หลังนี้ ภายในหลักๆประกอบด้วย Core 2 DUO E8600 แรมDDR3 2GB*2 การ์ดจอ HD4850 512mb ซึ่งหน้าที่หลักๆของศาลเจ้าหลังนี้ ก็มีเอาไว้เพื่อให้ภรรยาผมเล่นเกมส์กับอินเตอร์เนตนั่นเองครับ อิอิกำ
.
3gb32 720x450 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!(Click Picture to Enlarge)
เมื่อเปิด Windows 7 32bit ขึ้นมาแล้วเข้าไปดูที่ System Properties และ Task Manager ตรง Physical Memory ก็จะเห็นว่าไม่ว่าใส่แรมระบบไปเยอะขนาดไหน ตัวOSก็จะเห็นแรมเหลือไม่เกิน 3GB ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติของ OS 32bit อย่างที่กล่าวมาเบื้องต้นแล้วนั่นเอง แบบนี้เราต้องแก้ไขมัน ตามขั้นตอนต่างๆดังต่อไปนี้เลยครับ
.
a1 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!1. Download ตัวโปรแกรมPatchที่ชื่อ RAMFix มา โดยโหลดได้ ที่นี่ แล้วพอเปิดที่ตัวโปรแกรมนี้ขึ้นมา จะมีโปรแกรมเด้งขึ้นมา สองหน้าต่างคือ Winzip กับ DOS (ไม่ต้องไปสนใจหรือคลิกอะไรในตัว Winzip)
.
a2 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!2. กด Enter เพื่อเริ่มการแก้ไขวินโดว์ (แนะนำให้ปิดโปรแกรม Antivirus และโปรแกรมอื่นๆ)
3. จะมีโปรแกรมเด้งขึ้นมาเป็นภาษารัสเซีย ให้กดปุ่มใหญ่ๆตรงกลาง 1ที
.
a3 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!4.จะมีหน้าต่างภาษารัสเซียโผล่มาอีกตัว ให้กด OK
.
a4 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!.
a5 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!5. ต่อไป ใน DOS จะถาม Y=Yes/N=No ให้เรากด Y แล้ว Enter อย่างไม่ลังเล
.
a6 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!6. เมื่อเครื่องให้กด Enter to exit เราก็กด Enter ตามที่เขาสั่ง
.
a7 วิธีแก้ Windows 7 32bit ให้เห็นmemoryเลย 3GB จนสูงสุดถึง128GB!!7.หลังจากเสร็จแล้ว เครื่องจะรอให้เรา Restart เราก็กด Enter เพื่อ restart เครื่องได้เลย

วันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

# ติดตั้ง Windows SharePoint Services 3.0

ติดตั้ง Windows SharePoint Services 3.0
• ทำความรู้จักกับ Windows SharePoint Services 3.0
Windows SharePoint คือ Web Application ที่ทำหน้าที่ในการให้บริการการสื่อสาร การจัดการเนื้อหา การอำนวยความสะดวกให้กับทีม โดยการสร้างเว็บไซต์ (Website) จากเท็มเพลต (Template) สำเร็จรูป เพื่อรวบรวมเอกสารต่างๆ เข้าด้วยกันสำหรับการทำงานร่วมกันเป็นทีม ตัวอย่างเช่น Meeting site สำหรับการประชุมผ่านทาง Website ซึ่งมีลักษณะโครงสร้างเหมือนการประชุมจริง โดยจะมีผู้ดำเนินการประชุมและผู้เข้าร่วมประชุม และมีเครื่องมืออำนวยความสะดวกต่างๆ เช่น
1. เครื่องมือสำหรับแจ้งเวียนเชิญและตอบรับการประชุม
2. รายการและวาระการประชุม
3. รายละเอียดเกี่ยวกับสถานที่ เอกสารแผนที่ และวิธรการเดินทางไปประชุมเป็นต้น
4. พื้นที่สำหรับจัดเก็บบันทึกการประชุม

Windows SharePoint นั้นจะประกอบด้วย 2 ผลิตภัณฑ์ คือ Windows SharePoint Services (WSS) และ Windows SharePoint Portal Server (WSPS) ข้อแตกต่างในการทำงานระหว่างผลิตภัณฑ์ทั้ง 2 ตัวนี้คือ WSS นั้นจะประกอบขึ้นมาจาก Site collection เพียงอย่างเดียว แต่ WSPS นั้นจะประกอบด้วย Area, Site collection และ Personal site ในขณะที่ 

Windows SharePoint Services Site
Site Collection คือ web site ที่ประกอบขึ้นมาจาก Top-level site , Subsite, และ content ของแต่ละ subsite รวมถึง Document Workspace และ Meeting Workspace

Top-level site คือ Web site ที่ถูกสร้างขึ้นใน WSS ที่ไม่อยู่ภายใต้ site อื่นๆ โดยที่ Top-level site นั้น สามารถมี Subsite อยู่ภายใต้ได้ และ subsite ที่อยู่ภายใต้ Top-level site นั้น สามารถมี subsite ได้

Subsite คือ Web site ที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้ Top-level site บางครั้งเรียกว่า workspace โดยที่ subsite นั้นอาจมี element ต่างๆ เหมือนกันกับ Top-level site ได้ แต่อย่างไรก็ตาม subsite นั้น โดยส่วนมากจะใช้งานในการนำเสนอข้อมูลต่างๆ ของส่วนงานย่อยขององค์กร ตัวอย่าง เช่น ฝ่าย Engineering ประกอบด้วยส่วนงาน Electrical Engineering, Computer Engineering, Mechanical Engineering ดังนั้น Top-level site คือ Engineering และ มี 3 Subsite คือ Electrical Engineering site, Computer Engineering site , Mechanical Engineering site

*Metadata คือ ข้อมูลที่อธิบายถึงรายละเอียดของเอกสารหรือเนื้อหา

Site Group
Site Group คือ กลุ่มของผู้ใช้ โดยจะใช้ site group ในการกำหนดสิทธิในการใช้งาน site collection ของผู้ใช้ โดย site group ของ Windows SharePoint Service นั้นมี 5 กลุ่ม คือ

1. Reader = อ่านได้อย่างเดียว
2. Contributor = สามารถเพิ่มเนื้อหา (Content) เข้าใน List และ Document Library ได้
3. Web Designer = สามารถสร้าง Document Library และปรับแต่งหน้า website ได้
4. Administrator = มีสิทธิการใช้งานสูงสุด สามารถจัดการ WSPS ได้ทุกอย่าง
5. Custom Group = มีสิทธิการใช้งานต่างๆ ตามการกำหนดของ Administrator

การใช้งาน Windows SharePoint Services 3.0
ก่อนทำการติดตั้ง Windows SharePoint Services 3.0 นั้น ต้องทำการติดตั้งและคอนฟิก
1. Internet Information Services (IIS)
2. Microsoft .NET Framework 2.0 and Microsoft .NET Framework 3.0

การคอนฟิกวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 ให้เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์
ในวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 นั้น Internet Information Services (IIS) จะไม่ถูกติดตั้งโดยอัตโนมัติพร้อมกับระบบปฏิบัติการ ดังนั้นหากต้องการให้เซิร์ฟเวอร์เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ ต้องทำการติดตั้งด้วยตนเอง

การติดตั้งเว็บเซิร์ฟเวอร์(IIS 6.0) และคอนฟิกโหมดการทำงาน
ขั้นตอนการติดตั้ง IIS 6.0 และคอนฟิกให้ทำงานในโหมดไอโซเลต (Process Isolation Mode) มีดังนี้
1. คลิก Start คลิก All Programs คลิก Administrative Tools จากนั้นคลิก Manage Your Server
2. บนหน้าต่าง Manage Your Server คลิก Add or remove a role
3. ในไดอะล็อก Preliminary Steps คลิก Next
4. ในไดอะล็อก Server Role คลิก Application server (IIS ASP.NET) จากนั้นคลิก Next.
5. ในไดอะล็อก Web Application Server Options ให้เลือก Enable ASP.Net จากนั้นคลิก Next.
6. ในไดอะล็อก Summary of Selections คลิก Next
7. ในไดอะล็อก This Server is Now an Application Server คลิก Finish.
8. คลิก Start คลิก All Programs คลิก Administrative Tools จากนั้นคลิก Internet Information Services (IIS) Manager
9. ในหน้าต่าง Internet Information Services Manager คลิกที่เครื่องหมายบวก (+) ที่อยู่หน้าชื่อเซิร์ฟเวอร์ จากนั้นคลิกขวาที่โฟลเดอร์ Web Sites แล้วเลือก Properties จากชอร์ตคัทเมนู
10. ในไดอะล็อก Properties คลิกที่แท็ป Service
11. ในส่วน Isolation mode ให้เลือกเช็คบ็อกซ์หน้า Run WWW service in IIS 5.0 isolation mode จากนั้นคลิก OK

หมายเหตุ:
เช็คบ็อกซ์หน้า Run WWW service in IIS 5.0 isolation mode จะถูกเลือก () เฉพาะกรณีทำการอัพเกรดจาก IIS 5.0 บนวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2000 ไปเป็น IIS 6.0 บนวินโดวส์เซิร์ฟเวอร์ 2003 เท่านั้น ถ้าเป็นการติดตั้ง IIS 6.0 ใหม่นั้น IIS 6.0 จะทำงานในแบบไอโซเลต (Process Isolation Mode) โดยอัตโนมัติ

ติดตั้งไมโครซอฟต์ .NET Framework 2.0
Windows SharePoint Services ต้องการดอทเน็ตเฟรมเวิร์กเวอร์ชัน 2.0 (.NET Framework 2.0)ในการทำงาน ขั้นตอนการติดตั้งดอทเน็ตเฟรมเวิร์กเวอร์ชัน 2.0 ดังนี้ (หากยังไม่มีตัวติดตั้งด็อทเน็ตเฟรมเวิร์กเวอร์ชัน 2.0 ให้ทำการดาวน์โหลดจากศูนย์ดาวน์โหลดของไมโครซอฟต์ Microsoft Download Center Web site แล้วเลือก Microsoft .NET Framework Version 2.0 Redistributable Package (x86) แล้วคลิก Download)
1.ในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ดอทเน็ตเฟรมเวิร์กเวอร์ชัน 2.0 ให้ดับเบิลคลิก dotnetfx.exe จากนั้นคลิก Run เพื่อทำการติดตั้ง
2. ในหน้า Welcome to Microsoft .NET Framework Version 2.0 Setup คลิก Next
3. ในหน้า End-User License Agreement เลือกเช็คบ็อกซ์หน้า I accept the terms of the License Agreement จากนั้นคลิก Install
4. ในหน้า Setup Complete คลิก Finish

การคอนฟิก IIS ให้รองรับ ASP.NET 2.0
ถ้าหากเป็น Internet Information Services (IIS) มีการติดตั้งใช้งานอยู่ก่อนแล้ว ในการรัน Windows SharePoint Services จะต้องทำการเปิดใช้งาน ASP.NET v2.0 ก่อน ดังนี้
1. คลิก Start คลิก All Programs คลิก Administrative Tools จากนั้นคลิก Internet Information Services (IIS) Manager
2. ในหน้าต่าง IIS Manager ให้เลือกเว็บไซท์ที่ต้องการคอนฟิกให้ใช้งานงาน ASP.NET v2.0
ให้คลิกขวาที่เว็บไซท์ที่ต้องการจากนั้นคลิก Properties จากชอร์ตคัทเมนู
3. บนแท็ป ASP.NET ในช่อง ASP.NET version ให้เลือก 2.0.50727
4. คลิก Apply จากนั้นคลิก OK

การรีสตาร์ท IIS
1. คลิก Start จากนั้นคลิก Run
2. ในช่อง Open พิมพ์ cmd.exe จากนั้นคลิก OK
3. ที่คอมมานด์พรอมท์ให้พิมพ์ iisreset.exe จากนั้นกด ENTER
4. พิมพ์ exit จากนั้นกด ENTER เพื่อออกจากคอมมานต์พรอมท์

ติดตั้งไมโครซอฟท์ .NET Framework 3.0
หากยังไม่มีตัวติดตั้งด็อทเน็ตเฟรมเวิร์กเวอร์ชัน 3.0 ให้ทำการดาวน์โหลดจากศูนย์ดาวน์โหลดของไมโครซอฟต์ Microsoft Download Center Web site แล้วเลือก Microsoft .NET Framework Version 3.0 Redistributable Package (x86) แล้วคลิก Download
1. ในโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ดอทเน็ตเฟรมเวิร์กเวอร์ชัน 3.0 ให้ดับเบิลคลิก dotnetfx3setup.exe จากนั้นคลิก Run เพื่อทำการติดตั้ง
2. ในหน้า Welcome to Microsoft .NET Framework Version 3.0 Setup เลือกปุ่มเรดิโอ I have read and ACCEPT the terms of the License Agreement จากนั้นคลิก Install
3. คลิกบอลลูน Microsoft .NET Framework 3.0 Setup
4. ในหน้า Setup Complete คลิก Exit

ติดตั้ง Windows SharePoint Services 3.0 และ SQL Server 2005 Express
ในการติดตั้ง Windows SharePoint Services 3.0 แบบเซิร์ฟเวอร์เดี่ยว (Single stand-alone server) นั้นสามารถทำการติดตั้งโดยเลือกอ็อปชันการติดตั้งเดฟฟอลต์แบบ Basic ซึ่งการติดตั้งนั้นจะรวมการติดตั้ง SQL Server 2005 Express ด้วย ตามขั้นตอนดังนี้

1. หากยังไม่มีตัวติดตั้ง Windows SharePoint Services 3.0 ให้ทำการดาวน์โหลดจากศูนย์ดาวน์โหลดของไมโครซอฟต์ จากนั้นให้ท่องไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ที่ดาวน์โหลดมาแล้วให้รันไฟล์ SharePoint.exe
2. คลิก I accept the terms of this agreement จากนั้นคลิก Continue
3. คลิก Basic เพื่อทำการติดตั้งแบบแบบเซิร์ฟเวอร์เดี่ยว (Single stand-alone server)
4. เมื่อการติดตั้งแล้วเสร็จให้คลิก Close
5. ในหน้า SharePoint Products and Technologies Configuration Wizard คลิก Next
6. ในไดอะล็อก SharePoint Products and Technologies Configuration Wizard คลิก Yes
7. รอจนการทำงานของวิซาร์ดแล้วเสร็จ ซึ่งจะได้หน้า Configuration Successful ให้คลิก Finish.

จากนั้นให้ทดลองเปิดหน้าโฮมเพจของ SharePointโดยใช้ Internet Explorer เปิดหน้า http://servername ซึ่งอาจจะต้องใส่ชื่อผู้ใช้ (Username) และรหัสผ่าน (Password) สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์นั้น จะต้องทำการบายพาสเว็บไซต์ SharePoint ก่อนจึงจะสามารถเปิดโฮมเพจของ SharePoint ได้

การเพิ่มไซต์ SharePoint เข้ายังรายการ Intranet Sites
1. ใน Internet Explorer ให้คลิกเมนู Tools แล้วคลิก Internet Options
2. บนแท็ป Security ในช่อง Select a Web zone to view or change security settings คลิก Local intranet จากนั้นคลิก Sites
3. ในไดอะล็อกบ็อกซ์ Local intranet คลิก Advanced
4. ให้ลบเช็คบ็อกซ์ Require server verification (https:) for all sites in this zone ให้เป็น 
5. ในช่อง Add this Website to the zone ให้พิมพ์ URL ของเว็บไซต์ (เช่น http://servername) จากนั้นคลิก Add
6. คลิก OK เพื่อปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Local intranet
7. คลิก OK อีกครั้งเพื่อปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Local intranet
8. คลิก OK เพื่อปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Internet Options
9. ให้คลิก Refresh บนทูลบาร์เมนูของ Internet Explorer เพื่อทำการรีเฟรช Internet Explorer

การบายพาส Proxy Serverสำหรับ Local Addresses
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านพร็อกซี่เซิร์ฟเวอร์ให้ทำการบายพาสเว็บไซต์ SharePoint ดังนี้
1. ใน Internet Explorer ให้คลิกเมนู Tools แล้วคลิก Internet Options
2. บนแท็ป Connections ในส่วน Local Area Network (LAN) Settings a คลิก LAN Settings
3. ในส่วน Proxy Server คลิกเช็คบ็อกซ์หน้า Bypass proxy server for local addresses ให้เป็น 
4. คลิก OK เพื่อปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Local Area Network (LAN) Settings
5. คลิก OK อีกครั้งเพื่อปิดไดอะล็อกบ็อกซ์ Internet Options
6. ให้คลิก Refresh บนทูลบาร์เมนูของ Internet Explorer เพื่อทำการรีเฟรช Internet Explorer

ทดลองใช้งาน Windows SharePoint Servic3.0
เมื่อทำการติดตั้ง Windows SharePoint Services 3.0 แล้วเสร็จ จากนั้นก็สามารถทดลองใช้งานโดยทำการเปิดดูหน้าโฮมเพจ เช่น http://servername ด้วย Internet Explorer และยังสามารถทำการเพิ่มเนื้อหาให้กับ SharePoint ไซท์ หรือทำการบริหาร SharePoint ไซท์ได้โดยใช้ Central Administration ตัวอย่างเช่น
1. เพิ่มผู้ใช้เข้ายังไซต์
2. ปรับแต่งโอมเพจและหน้าเว็บเพจต่างภายในไซท์
3. ทำการสร้างลิสต์รายการหรือห้องเก็บเอกสารและเพิ่มเนื้อหา
คุณสามารถใช้ Central Administration เพื่อทำการคอนฟิกเซิร์ฟเวอร์เพิ่มเติม ตัวอย่างเช่น
1. Configure incoming e-mail settings ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถส่งเนื้อหาไปยัง SharePoint ผ่านทางอีเมล์ หรือทำการส่งอีเมล์ไปยังสมาชิกทั้งหมดของไซท์ SharePoint
2. Configure e-mail alert settings เมื่อทำการคอนฟิก e-mail alert จะทำให้ผู้ใช้สามารถลงชื่อเพื่อรับอีเมล์แจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาภายในไซท์
3. Configure antivirus protection settings ถ้าเซิร์ฟเวอร์ได้ติดตั้งโปรแกรมป้องกันไวรัสซึ่งสามารถใช้งานร่วมกันกับ Windows SharePoint Services ได้ ก็สามารถทำการคอนฟิกให้ทำการสแกนเอกสารต่างๆ เมื่อทำการอัพโหลดขึ้นไปยังหรือดาวน์โหลดจาก SharePoint ได้

.NET Framework Developer Center
โฮมเพจ .NET Framework เว็บไซต์ http://msdn.microsoft.com/en-us/netframework/default.aspx

เว็บไซต์สำหรับดาวน์โหลด .NET Framework
 Microsoft .NET Framework Version 2.0 Redistributable Package (x86)
รายละเอียดการดาวน์โหลด
ชื่อไฟล์: dotnetfx.exe
เวอร์ชัน: 2.0
วันที่ออก: 1/22/2006
ขนาดของไฟล์: 22.4 MB
เวลาในการดาวน์โหลดโดยประมาณ: 55 นาที (Dial-up 56K)
ภาษา: อังกฤษ และอีก 23 ภาษา
ดาวน์โหลดลิงก์: http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?FamilyID=0856EACB-4362-4B0D-8EDD-AAB15C5E04F5&displaylang=en

 Microsoft .NET Framework Version 2.0 Redistributable Package (x64)
รายละเอียดการดาวน์โหลด
ชื่อไฟล์: NetFx64.exe
เวอร์ชัน: 2.0
วันที่ออก: 1/22/2006
ขนาดของไฟล์: 45.2 MB
เวลาในการดาวน์โหลดโดยประมาณ: 1 ชั่วโมง 51 นาที (Dial-up 56K)
ภาษา: อังกฤษ และอีก 23 ภาษา
ดาวน์โหลดลิงก์: http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?familyid=B44A0000-ACF8-4FA1-AFFB-40E78D788B00&displaylang=en

 Microsoft .NET Framework 3.0 Redistributable Package (bootstrapper)
รายละเอียดการดาวน์โหลด
ชื่อไฟล์: dotnetfx3setup.exe
เวอร์ชัน: 3.0
วันที่ออก: 11/21/2006
ขนาดของไฟล์: 2.8 MB
เวลาในการดาวน์โหลดโดยประมาณ: 7 นาที (Dial-up 56K)
ภาษา: อังกฤษ และอีก 23 ภาษา
ดาวน์โหลดลิงก์: http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?familyid=10CC340B-F857-4A14-83F5-25634C3BF043&displaylang=en

 Microsoft .NET Framework 3.0 Service Pack 1
รายละเอียดการดาวน์โหลด
ชื่อไฟล์: dotnetfx30SP1setup.exe
เวอร์ชัน: 3.0 SP1
วันที่ออก: 11/19/2007
ขนาดของไฟล์: 2.4 MB
เวลาในการดาวน์โหลดโดยประมาณ: 6 นาที (Dial-up 56K)
ภาษา: อังกฤษ และอีก 23 ภาษา
ดาวน์โหลดลิงก์: http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?FamilyID=ec2ca85d-b255-4425-9e65-1e88a0bdb72a&displaylang=en

 Microsoft .NET Framework 3.5
รายละเอียดการดาวน์โหลด
ชื่อไฟล์: dotNetFx35setup.exe
เวอร์ชัน: 3.5
วันที่ออก: 11/20/2007
ขนาดของไฟล์: 2.7 MB
เวลาในการดาวน์โหลดโดยประมาณ: 7 นาที (Dial-up 56K)
ภาษา: อังกฤษ และอีก 23 ภาษา
ดาวน์โหลดลิงก์: http://www.microsoft.com/downloads/details.aspx?familyid=333325FD-AE52-4E35-B531-508D977D32A6&displaylang=en

SharePoint Services 3.0 Site group Microsoft .NET Framework 2.0 3.0 dotNetFx